ปัจจุบันเทคโนโลยี Cloud หรือบริการ Cloud ได้กลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่มีฝ่ายไอที หรือมีข้อมูลที่ต้องจัดเก็บเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้องแบกรับต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีความรู้เรื่องบริการ Cloud มาก่อน หรืออาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าธุรกิจจะสามารถนำบริการ Cloud Service มาประยุกต์ใช้อย่างไร ดังนั้นเราจะพาไปเจาะลึกถึงรายละเอียดและข้อดีว่า Cloud จะสามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตในยุคดิจิทัลได้อย่างไร

Cloud คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

หากพูดถึง Cloud เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงพื้นที่รับฝาก หรือ รับ-ส่งไฟล์บนอินเทอร์เน็ต เช่น  การใช้งาน Email, Google Drive หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลบนสมาร์ทโฟน ซึ่งบริการเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในประเภทของบริการ Cloud ที่หลายคนเคยใช้ เพียงแต่ไม่รู้ตัวและมองไม่ออกว่ากำลังใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อยู่ ซึ่งแท้จริงแล้วบริการ Cloud มีความหมายกว้างกว่าที่หลายคนคิด

Cloud หรือ Cloud Computing คือ ระบบที่ช่วยให้การใช้งานด้านต่างๆ เช่น ระบบการเก็บข้อมูล การติดตั้งฐานข้อมูลหรือระบบภายในให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งสามารถปรับเพิ่ม-ลดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลได้ตามการใช้งานจริง ยืดหยุ่นได้ทุกเวลา ช่วยลดต้นทุนธุรกิจและรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต Cloud จึงกลายมาเป็นตัวช่วยสำคัญที่ตอบโจทย์ธุรกิจ อีกทั้งสอดรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายธุรกิจทั่วโลกต่างหันมาให้ความสนใจมากขึ้น ส่งผลให้เทคโนโลยี Cloud มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่ง Gartner บริษัทวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ประเมินภาพรวมของบริการ Cloud ว่าจะมีอัตราการเติบโตตั้งแต่ปี 2562-2568 เฉลี่ยปีละประมาณ 21% เพราะธุรกิจต่างมีความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเป็นจำนวนมาก โดย Cloud สามารถแบ่งรูปแบบการใช้งานได้ 3 ประเภท ประกอบด้วย

Private Cloud 

เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น ภาครัฐ องค์กรเอกชนขนาดใหญ่ โดยบริการ Cloud ประเภทนี้จะมีความปลอดภัยเป็นพิเศษเพราะเป็นระบบแบบปิด ซึ่งพนักงานจะต้องระบุตัวตนก่อนการเข้าใช้งาน  นอกจากนี้ยังสามารถจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับความต้องการของบริษัท และเนื่องจากเป็นระบบส่วนตัวทำให้มีความเร็วมากกว่าระบบ Cloud ประเภทอื่นๆ

 Public Cloud

บริการ Cloud Service ประเภทนี้เหมาะกับทุกธุรกิจไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ใช้ได้ โดยสามารถเก็บข้อมูลภายในบริษัท และมีระบบที่พนักงานสามารถใช้ร่วมกันได้ ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายไม่สูงมากจึงช่วยลดภาระที่ธุรกิจแบกรับไว้ เพราะเลือกได้ว่าจะใช้เป็นรายเดือนหรือรายปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานของธุรกิจนั้นๆ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มหรือลดขนาดของ Cloud ได้ตามความต้องการ โดย Cloud ประเภทนี้จะเป็นการใช้แพลตฟอร์มต่างๆ ผ่านผู้ให้บริการที่เป็นเจ้าของ Cloud ทั้งนี้ควรเลือกผู้ให้บริการ Cloud ที่สามารถไว้ใจได้เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

Hybrid Cloud 

ถือเป็นประเภทที่แตกต่าง เพราะนำจุดเด่นของ Cloud ทั้ง 2 ประเภท มารวมกัน คือ Private Cloud และ Public Cloud ทำให้ธุรกิจสามารถปรับการจัดเก็บข้อมูลได้ตามความต้องการ เช่น การเก็บข้อมูลทั่วไปไว้ใน Public Cloud และข้อมูลสำคัญไว้ใน Private Cloud เพื่อจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง เรียกได้ว่าบริการ Cloud Service ประเภทนี้มีความยืดหยุ่นสูงมาก

จะเห็นได้ว่าระบบ Cloud ทั้ง 3 ประเภทนี้มีความหลากหลาย แต่ละธุรกิจสามารถเลือกใช้ตามความต้องการได้ นอกจากนี้ยังมีข้อดีต่างๆ มากมาย ดังนี้

1. ประหยัดค่าใช้จ่าย 

ก่อนหน้าที่ธุรกิจจะหันมาใช้ Cloud มักมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบ เช่น ค่าจ้างฝ่ายไอที ค่าไฟ ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นจำนวนมาก แต่หากเปลี่ยนมาใช้บริการ Cloud จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้ แล้วนำเงินไปใช้พัฒนาธุรกิจในด้านอื่นได้อีก

2. ปรับได้ตามความต้องการ 

สามารถปรับขนาดได้ตามการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา หากช่วงใดมีการใช้งานมากก็สามารถปรับได้ทันที ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่หากมีการปรับปริมาณการใช้งานจะต้องรอพนักงานฝ่ายไอทีมาปรับเซิร์ฟเวอร์ถึงจะใช้งานได้ ทำให้เสียเวลา จุดนี้จึงทำให้คนทำธุรกิจหันมาใช้บริการ Cloud มากขึ้น

3. ไม่ต้องกลัวว่าระบบจะล่ม 

บางธุรกิจที่มีการเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้เอง แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างการถูกแฮกข้อมูล หรือเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งอาจทำให้ข้อมูลสูญหายได้ แต่หากมีการว่าจ้างบริษัทที่ให้บริการ Cloud จะทำให้ธุรกิจไม่ต้องกังวลกับปัญหาที่เหนือการควบคุมเหล่านี้ เพราะมีระบบการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นการลดความเสี่ยงของธุรกิจได้มาก

4. ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น 

ธุรกิจจะราบรื่น คล่องตัวมากขึ้น เพราะระบบ Cloud Service จะช่วยอำนวยความสะดวกให้พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา และทำงานพร้อมกันได้อย่างราบรื่น เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตประสิทธิภาพสูงของ NT ที่มีความเสถียร ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3kOTA4q

5. มีความปลอดภัย 

สิ่งที่ธุรกิจจะต้องคำนึงเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล คือ เรื่องความปลอดภัย ยิ่งหากธุรกิจมีการจัดเก็บข้อมูลในแพลตฟอร์มของตัวเอง อาจต้องว่าจ้างผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมาดูแลระบบ ทำให้เสียทั้งค่าใช้จ่าย อีกทั้งมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกข้อมูล แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเนื่องจากบริการ Cloud มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยส่งเสริม Cyber Security มีระบบ Backup กู้ฐานข้อมูล และช่วยดูแลเมื่อเกิดปัญหานอกจากเสริมเกราะป้องกันทางด้านความปลอดภัยให้กับธุรกิจแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของธุรกิจอีกด้วย

ทั้งหมดนี้คงทำให้ทุกคนได้เห็นภาพรวมของบริการ Cloud ซึ่งใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด มีส่วนช่วยให้ระบบการใช้งานขององค์กรมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็สามารถเลือกระบบ Cloud ไปปรับใช้ให้เข้ากับการใช้งานขององค์กรได้ นอกจากช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ มีความปลอดภัยสูง เลือกปรับได้ตรงตามความต้องการแล้ว ยังช่วยให้การทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัลให้สามารถเติบโตต่อไปอย่างมั่นคง